Sunday, May 24, 2015

อาหารพื้นบ้านของคนดอย ยอดเป้ง เห็ดถอบ และดอกอาว Traditional food of Karen people: Phoenix palm shoot, Mushroom and Curcuma inflorescences

อาหารพื้นบ้านของคนดอย ยอดเป้ง เห็ดถอบ และดอกอาว
Traditional food of Karen people: Phoenix palm shoot, Mushroom and Curcuma inflorescences

หลังจากที่ทีมของเราสำรวจกล้วยไม้ในพื้นที่ป่าผลัดใบ ในพื้นที่โครงการหลวงวัดจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเสร็จ คุณป้าชาวกะเหรี่ยงพาเราไปเก็บหน่อเป้ง เพื่อนำมาแกงตามสไตล์ชาวกะเหรียง ซึ่งทีมงานของเราวันนี้เป็นชาวกะเหรี่ยงสองคน ตอนเย็นทำหน้าที่เพิ่มคือ เป็นพ่อครัวให้เราด้วย 
เป้ง (Phoenix acaulis Roxb.) เป็นพืชวงศ์ปาล์ม อยู่ในสกุลเดียวกับอินทผาลัม ชาวกะเหรี่ยงนำยอดอ่อนในลำต้นมาต้มกินเป็นผัก แต่กินสดก็ได้ รสชาดเหมือนยอดมะพร้าว แต่ผมคิดว่าอร่อยกว่า วิทย์ ผู้ช่วยผมที่เป็นชาวกะเหรี่ยงบอกว่า สมัยก่อนบนดอยไม่ค่อยมีผัก ก่อนวันแต่งงาน 1 วัน ชาวบ้านจะช่วยกันออกไปหายอดเป้งเอามาต้มหรือแกงแทนผัก งานหนึ่งก็ประมาณ 100 หัว ช่วงเวลาที่จะหาเอามากินกันก็คือ ช่วงไฟไหม้ป่า ในเดือนเมษายน-พฤภาคม นอกจากนี้ยังมักพบหนอนด้วงที่จะมากินยอดเป้ง ซึ่งมีขนาดใหญ่เกือบเท่าหัวแม่โป้ง เสร็จชาวบ้านเหมือนกันถ้าเจอ เอาไปตำกับน้ำพริก
วันนั้นเราออกไปหายอดเป้งกับคุณป้าชาวกะเหรี่ยง โดยเลือกหาต้นที่มีโคนใหญ่ๆ และกำลังแตกใบอ่อนมากมาก ซึ่งลักษณะแบบนี้จะทำให้มียอดอ่อนในลำต้นมากเป็นพิเศษ การเก็บเริ่มโดยตัดใบที่ยอดทิ้ง แต่ต้องระวังเพราะใบเป้งจะมีหนามยาว จากนั้นใช้มีดฟันลำต้นเหนือดิน แล้วผ่าเปลือกลอกออกจนถึงยอดอ่อนในลำต้น ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งสีขาว มันไม่ง่ายเลยที่จะเก็บหา แต่เมื่อบอกว่า มันอร่อยนะ มันก็ไม่เกินความสามารถ ประมาณ 1 ชม. เราเก็บยอดอ่อนเป้งได้ ประมาณ 10 กว่า หัว มูลค่าที่เขาขายกัน 6 หัว 20 บาท เรานำมาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มใส่พริกแห้ง เกลือ กระเทียม และถั่วเน่าแผ่น รสชาดดีมาก
ในพื้นที่ที่เราสำรวจกล้วยไม้ ซึ่งเป็นป่าผลัดใบ ยังมีเห็ดถอบ ซึ่งกล่าวกันว่าเห็ดถอบที่วัดจันทร์ อร่อยมาก ตอนนี้กำลังออกใหม่ๆ ราคาลิตรละ 190-220 บาท คนจากถิ่นอื่น เช่น จากอ.ปาย เข้ามาหาเห็ดถอบที่นี่กันเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจะใช้ทัพพีเก่าๆ ขูดไปตามหน้าดิน จะเห็นเป็นหัวกลมๆ สีขาว เขาบอกว่าตอนนี้ถ้าหาได้วันละ 4 ลิตร ก็พอละ เราก็ทดลองหากับเขาบ้างได้มานิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ไปซื้อมา 1 ลิตร มาแกงใส่พริก กะปิ ปลาร้า และยอดมะเม่า อร่อยมากเช่นกัน ตอนกัดเคี้ยวในปาก มันจะกรุบๆ มิน่าเล่าถึงนิยมกินกันมาก และราคาก็แพงด้วย นอกจากเป้ง และเห็ดถอบแล้ว เรายังเก็บช่อดอกอาวอ่อน (ดอกกระเจียว Curcuma sp.) มาต้มจิ้มกินกับน้ำพริกอีกด้วย ต้องเอายอดอ่อนถึงจะรำ (อร่อย) ถ้าแก่ไปจะออกรสเปรี้ยว
ชีวิตที่อยู่ร่วมกับป่าอย่างพอเพียง แม้จะเป็นไม่มีเงินทองมากมาย แต่ก็เป็นชีวิตที่มีความสุข ป่าหรือความหลากหลายทางชีวภาพให้อะไรต่อมวลมนุษย์อย่างไม่รู้จบ ฤาเราจะทำลายเขาด้วยมือเราได้หรือ!
After we finished our orchid survey in deciduous forest along to the area of Wat Chan Royal project, Kanlayaniwadhina District, Chiang Mai Province, Thailand, we followed 2 old Karen Ladies (one of the hill tribe people in Northern Thailand) to harvest young shoot of Phoenix acaulis.  Two of my assistants are Karen people as well, who shall cook dinner for us.
Phoenix acaulis Roxb. is a native palm in Thailand and belongs to the same genus of Date Palm. The fresh young shoot is edible as being fresh and raw or cooking as soup, traditional knowledge of Karen people.  Its taste like coconut shoot, a bit sweet, but I think it is more delicious. Mr.Vit who is Karen people and my assistant told me that in former time there was not enough vegetable for hill people. Thus, they use it as vegetable. One day before wedding ceremony, the villagers should help the host of ceremony by collecting this palm shoots, around 100 pieces to substitute vegetable. The harvest time is during April to May, after the forest burn. In addition, some plant of this palm shall be damaged by beetle larvae, but it is a good food for local people as well. They use this larvae to mix with chili past.
That day we walk out to collect palm shoot with old Karen ladies. The large stout stems with many young leaves indicated that inside the stem shall have a good young shoot. We started to collect by cutting the crown leaves, then use a knife cut the basal part of the stem as same level as the ground. The stems were cut to get young shoots inside stems. Around 1 hrs., we could collect about 10 pieces. 6 pieces are 20 Baht, less than a dollar. We cut in to small pieces then boiled with dried chili, a bit salt, garlic and dried fermented soybean, giving good test.
In the deciduous forest, where we were studying the orchid, also had hygroscopic earthstar mushroom, one of the popular mushroom in northern Thailand. If it emerges early, its price can be 190-220 baht in volume of a liter. If one can collect for 4 liter per day, they said it was enough. The people outside also came to collect this mushroom. It was said that the mushroom there more delicious than other area. We could not resist, if we did not have it for that dinner. We bought a liter to boil with dry chili, shrimp paste, fermented fish and young leaves of Antidesma (in Thai called ma-mao). It was so delicious. That why it is so popular and expensive. Beside, palm shoots and mushroom, there were inflorescence of Curcuma which we boil and had with chilly past. The young inflorescence shall be better than the old one.

The life style depend on the forest as sufficient way may not serve you rich but it is happy life. Forest or biodiversity give us endless. Shall we destroy the forest by our hand?
ต้นเป้ง Phoenix acaulis Roxb.


ผลเป้ง กินได้ Its fruit is edible.


วิธีตัดเก็บยอดอ่อน เริ่มจากกันตัดลำต้นออกมา How to collect its young shoots, first cut and take the stems.


แม่เฒ่าหิ้วหัวเป้งมาให้ Old Karen Lady is carrying its stems.


ตัดผ่าเอายอดอ่อนข้างใน Cut to get young shoot inside the stem


ตัดผ่าเอายอดอ่อนข้างใน Cut to get young shoot inside the stem


ตัดผ่าเอายอดอ่อนข้างใน Cut to get young shoot inside the stem





แม่เฒ่ากำลังหาเห็ดถอบ She is searching  young hygroscopic earthstar mushroom



เห็ดถอบ hygroscopic earthstar mushroom
ดอกอาวหรือดอกกระเจียว Curcuma inflorescence



ห้องครัวในบ้านคนกะเหรี่ยง







ข้าวไร่กะเหรี่ยง Karen rice


แกงเห็ดถอบ Mushroom soup




ต้มยอดเป้ง Palm shoot soup


ไก่ต้อมยอดมะขาม Chicken in tamarin soup 


ยอดดอกกระเจียวลวก Boiled Curcuma inflorescence

Friday, March 20, 2015

แผ่นภาพพรรณไม้ เพื่อการตรวจสอบชื่อ Plant Ident. Sheet

แผ่นภาพพรรณไม้ เพื่อการตรวจสอบชื่อ เครื่องมือสำหรับพฤกษศาสตร์ชุมชน
Plant Ident. Sheet a tool for Citizen Botany 
สันติ วัฒฐานะ (Santi Watthana)
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ (Queen Sirikit Botanic Garden)
21 มีนาคม 2558 (21 March 2015)

          ระหว่างที่กำลังเตรียมการอบรมนักพฤกษศาสตร์ เพื่อไปเป็นวิทยากรในหลักสูตรฝึกอบรมนักพฤกษศาสตร์ ให้กับครูชีววิทยาโรงเรียนมัธยม ระหว่างวันที่ 25-27 มีนาคม 2558 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้พยายามคิดว่า ทำอย่างไร จะให้คนรักการศึกษาด้านพฤกษศาสตร์ โดยเฉพาะ วิชาอนุกรมวิธาน ที่เป็นวิชาเกี่ยวกับการตรวจสอบหรือระบุชื่อพืช การจัดจำแนกพืข และกฎระเบียบเกี่ยวกับการตั้งและใช้ชื่อพืช หลายคนบอกว่าน่าเบื่อเพราะต้องจำชื่อพืชที่เป็นชื่อวิทยาศาสตร์ยาวๆ
          ถ้าจะบอกให้ทำตามกระบวนการการศึกษาทางพฤกษศาสตร์โดยตรงอาจจะไม่ได้ผล จึงหาทางที่จะส่งเสริมให้ผู้เริ่มต้นได้ทำกิจกรรมที่ไม่น่าเบื่อ แล้วใช้กระบวนการทางการศึกษามาใช้ประกอบ สุดท้ายก็คิดถึงการถ่ายภาพดอกไม้สวยๆ และการสะสมภาพพืชที่หลากหลาย เหมือนกับการสะสมสแตมป์ การสะสมพระเครื่อง
          แต่ถ้าภาพถ่ายในมุมกว้าง จะไม่เห็นลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่ใช้ในการจำแนกได้ ซึ่งบ่อยครั้งที่คนที่สนใจด้านชนิดพืช ถ่ายภาพมาถามนักพฤกษศาสตร์ แต่ในภาพมิได้ให้ข้อมูลที่ดีสำหรับการตรวจสอบชื่อ จึงไม่สามารถตรวจสอบชื่อให้ได้ ดังนั้นหากถายภาพพรรณไม้แล้วเพิ่มการถ่ายภาพที่แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดของลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่ชัดเจนในการตรวจสอบชื่อหรือการจำแนกพืช จะเป็นประโยชน์มาก แน่นอนเกือบทุกคน อยากทราบว่า ดอกไม้ที่ถ่ายภาพมาคืออะไร และถ้าเข้าใจกระบวนการการตรวจสอบชื่อ และสิ่งที่จำเป็นในการตรวจสอบชื่อพืช เขาเหล่านั้นก็จะเริ่มที่จะเรียนรู้ลักษณะทางพฤกษศาสตร์มากขึ้น เริ่มมองรายละเอียดโครงสร้างพืชมากขึ้น เริ่มรู้จักเปรียบเทียบความเหมือนกับความต่างของแต่ละชนิดมากขึ้น เริ่มบอกได้ว่าแต่ละชนิดมีลักษณะเด่นอย่างไร เหมือนการสะสมความรู้และภาพประกอบ เมื่อได้ทราบได้รู้ ก็มีความภูมิใจ และเริ่มการแชร์ส่งผ่าน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เหมือนสร้างกิจกรรมงานอดิเรกสำหรับผู้คนที่เอาองค์ความรู้ด้านวิชาการมาเสริม ในที่สุดเราอาจจะได้นักพฤกษศาสตร์เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องไปเรียนในห้องเรียน และน่าจะเป็นการเริ่มต้นของการสร้างพฤกษศาสตร์ชุมชน ที่จะมีกลุ่มคนที่สามารถสนับสนุนงานวิชาการด้านพฤกษศาสตร์มากขึ้น โดยมิได้มีแต่เฉพาะผู้ที่เรียนมาทางด้านพฤกษศาสตร์เท่านั้น และยังเป็นการสร้างนักพฤกษศาสตร์ให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

       
ตัวอย่างแผ่นภาพพรรณไม้ สำหรับการตรวจสอบชื่อ จะเห็นได้ว่ามีลักษณะคล้ายกับการทำตัวอย่างพรรณไม้แห้ง (คุณน่าจะเรียงภาพได้สวยงามและเป็นระเบียบได้มากว่าภาพนี้) 
Plant Ident. Sheet, it is like preparing herbarium sheet. (You may arrange the pictures on the sheet better than this picture.)
       
สำหรับโครงสร้างของดอกที่มีขนาดเล็ก เราสามารถใช้กล้องคอมเพ็ก ถ่ายต่อจากกล้องซูมได้
 
          During I was preparing the presentation for teaching on how to be botanist, I was trying to present something for the beginner. To avoid the boring process of  taxonomy, taking photograph to show detail of plant morphological characters and arranges the pictures like a herbarium sheets may let the beginners enjoy to learn plant morphology and plant identification. It likes a collection which may be a good hobby. Then it shall be increased more people who can identify plant. Thus it may be a good tool for set up citizen botany.

Key word: plant identification, plant picture, plant morphology, plant species. การตรวจสอบชื่อพืช ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ชื่อพืช

       

Friday, March 13, 2015

ตรวจสอบชื่อกล้วยไม้ ในหอพรรณไม้ สวนพฤกษศาสตร์มากิโน ประเทศญี่ปุ่น

ตรวจสอบชื่อกล้วยไม้ ในหอพรรณไม้ สวนพฤกษศาสตร์มากิโน ประเทศญี่ปุ่น
สันติ วัฒฐานะ
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 
องค์การสวนพฤกษศาสตร์
14 มีนาคม 2558

            ระหว่างวันที่ 1-13 มีนาคม 2555 ผมได้รับเชิญจากสวนพฤกษศาตร์มากิโน ประเทศญี่ปุ่น ให้ไประบุชื่อตัวอย่างกล้วยไม้ที่เก็บมาจากประเทศพม่า ภายใต้โครงการสำรวจชนิดพรรณไม้ในเขตอุทยานแห่งชาตินัทมาตาง รัฐฉิ่น ประเทศพม่า โดยมีเป้าหมายที่จะนำแสนอรายชื่อพืชที่พบในป่าธรรมชาติของอุทยานแห่งชาตินัทมาตาง ภารกิจของผม คือ ระบุชื่อตัวอย่างกล้วยไม้ในหอพรรณไม้แห่งนี้ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ตัวอย่างพรรณไม้ที่ผมต้องระบุชื่อมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ ตัวอย่างแห้ง ซึ่งเป็นกิ่งที่มีดอกมาอัดแห้งแล้วเย็บบนกระดาษแข็งสีขาว และตัวอย่างดองซึ่งเก็บชิ้นส่วนของพืชดองไว้ในขวดแอลกอฮอล์ 70% การเก็บตัวอย่างทั้งสองแบบนี้จะเป็นการเก็บตัวรักษาอย่างให้ได้ยาวนานเพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการศึกษาวิจัยและการอ้างอิง ส่วนของดอกจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นส่วนที่ใช้ในการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างชนิดพันธุ์ เราจะเห็นว่าในแต่ละตัวอย่างต้องมีป้ายรายละเอียดพันธุ์ไม้ติดอยู่ โดยจะเขียนลักษณะที่มองไม่เห็น หรือลักษณะที่เปลี่ยนไปเมื่อกลายเป็นตัวอย่างแห้ง เช่น สี ลักษณะนิสัย (เช่น ไม้ต้น ไม้ล้มลุก ไม้อิงอาศัย หรือกาฝาก เป็นต้น) สถานที่เก็บ วันที่ และข้อมูลอื่นๆ ที่จะเป็นตัวแทนของลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพืชชนิดนั้นๆ ตัวอย่างแต่ละตัวอย่างจึงเป็นตัวอย่างสำหรับการวิจัย

หอพรรณไม้ที่เก็บรวบรวมตัวอย่างแห้ง ที่สวนพฤกษศาสตร์มากิโน Herbarium specimens in Makino Botanical Garden's herbarium

เนื่องจากส่วนของดอกกล้วยไม้จะถูกอัดทับจนแบนและแห้ง ผมจึงต้องนำดอกกล้วยไม้ในแต่ละตัวอย่างไปต้มและใส่น้ำยาล้างจานไปเล็กน้อยเพื่อไล่อากาศในเซลล์ โดยพยายามไม่ให้ตัวอย่างเสียหาย นักพฤกษศาสตร์คนอื่นจะได้มาดูต่อ จากนั้นจะศึกษาตัวอย่างใต้กล้องสเตอริโอซูม หรือกล้องขยาย เพื่อศึกษารายละเอียดโครงสร้าง รูปร่าง หรือลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของแต่ละตัวอย่าง แต่สำหรับตัวอย่างดอง เราไม่จำเป็นต้องนำไปต้ม เพราะรูปทรงยังคงเดิม เพียงแต่สีหายไปเท่านั้น

อุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับการระบุชื่อ คือ รูปวิธาน หรือ key สำหรับระบุสกุลและชนิดกล้วยไม้ ซึ่งจะอยู่ในเอกสารทางพฤกษศาสตร์ และหนังสือพรรณพฤกษชาติ (flora) ของแต่ละภูมิภาค หรือแต่ละประเทศ เช่น พรรณพฤกษชาติของประเทศจีน พรรณพฤกษชาติของประเทศภูฎาน หรือพรรณพฤกษชาติของประเทศไทย เป็นต้น รวมถึงผลงานตีพิมพ์ทางวิชาการในวารสารทางพฤกษศาสตร์ต่างประเทศ ที่ทำการทบทวนกล้วยไม้ในแต่ละสกุล ซึ่งปัจจุบันหนังสือพรรณพฤกษชาติยังไม่สมบูรณ์ โดยพื้นฐานแล้ว ชนิดกล้วยไม้ในประเทศพม่าจะใกล้เคียงกับของไทย ผมจึงใช้เอกสารวิชาการ ชุด สกุลกล้วยไม้ในประเทศไทย (the orchid genera of Thailand) เขียนโดย Dr.Gunnar Seidenfaden เป็นหลัก และค่อนข้างโชดดีที่ในหนังสือพรรณพฤกษชาติเหล่านั้นมีคำบรรยายลักษณะทางพฤกษศาสตร์และมีภาพวาดทางพฤกษศาสตร์ประกอบด้วย เมื่อได้ชื่อตามรูปวิธานแล้ว เราสามารถตรวจสอบอีกครั้งกับลักษณะทางพฤกษศาสตร์ว่าตรงกันหรือไม่
สภาพโต๊ะทำงานในการตรวจสอบชื่อกล้วยไม้ มีเตาไฟฟ้า หนังสือพรรณพฤกษชาติ  กล้องสเตอริโอซูม คอมพิเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เนต ตัวอย่างแห้ง และตัวอย่างดอง Work environment for identification shows electric stove, flora books, steriozoom microscope, computer with internet connection, dried and spirit specimens.
ลักษณะของรูปวิธานจะมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ให้เลือกเป็นคู่ ซึ่งแต่ละคู่จะเป็นส่วนโครงสร้างของพืชแบบเดียวกัน เช่น ดอกมีเดือยกลุ่มหนึ่ง และดอกไม่มีเดือยอีกกลุ่มหนึ่ง จากนั้นเราก็ดูว่าตัวอย่างของเราว่า เป็นชนิดที่มีเดือยหรือไม่ เมื่อเลือกให้ตรงกับรูปวิธานแล้ว ก็ดูที่คู่ต่อไปเรื่อยๆ จนได้ชนิดตามรูปวิธานนั้น แล้วตรวจสอบลักษณะทางพฤกษศาสตร์ประกอบอีกที ซึ่งบางครั้งเราก็คีย์ไม่ออก เนื่องจากตัวอย่างที่เรากำลังดู ไม่ใช่ชนิดที่พบในประเทศนั้นหรือในหนังสือพรรณพฤกษชาตินั้น ต้องหารูปวิธานที่จากแหล่งอื่นมาใช้ ซึ่งบางครั้งเราอาจเทียบกับตัวอย่างต้นแบบ (type specimens) ซึ่งหลายหอพรรณไม้นำเสนอทางเว็บไซด์
เมื่อนักพฤกษศาสตร์ระบุชื่อพฤกษศาสตร์ได้แล้ว จะเขียนชื่อพฤกษศาสตร์ในป้ายตรวจสอบชื่อ เซ็นต์ชื่อผู้ระบุชื่อและวันที่ และเมื่อต้องการตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการ ผู้เขียนจะอ้างถึงตัวอย่างที่ศึกษา ซึ่งสามารถตรวจสอบได้และเป็นกระบวนการหนึ่งทางวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างพรรณไม้แห้งจึงเป็นตัวอย่างทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่ใช้ในการอ้างอิง ลองนึกดูว่า ถ้า มีการศึกษาว่า กล้วยไม้ชนิดหนึ่งมีสรรพคุณแก้โรคมะเร็ง แล้วตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการ แต่ไม่มีการอ้างถึงตัวอย่างพรรณไม้แห้ง และสถานที่เก็บตัวหรือ อันได้แก่หอพรรณไม้ใด ใครจะทราบหรือพิสูจน์ตามได้ เป็นต้น ดังนั้นหอพรรณไม้และตัวอย่างพืชจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์


ตัวอย่างที่ได้รับการตรวจสอบชื่อแล้ว จะมีป้ายชื่อระบุถึงผู้ตรวจสอบ The specimen which has been identified with determinative labels.

ในปัจจุบันนักอนุกรมวิธาน หรือผู้ที่ทำงานด้านการจำแนกชนิด ประสบกับปัญหาการขอทุนวิจัย นักพฤกษศาสตร์จึงขาดโอกาสในการศึกษาวิจัยเพื่อที่จะนำข้อมูลไปสร้างรูปวิธานของพืชในประเทศ ให้เราได้ใช้กัน เนื่องจากหลายคนคิดว่าเป็นงานวิจัยพื้นฐานที่ไม่สามารถเป็นนวตกรรมใหม่ได้ เรามักจะลืมกันว่า ชื่อพืชที่ถูกต้องตามกฏการตั้งชื่อ การกำหนดขอบเขตของชนิด และการจัดกลุ่มพืชทางพฤกษศาสตร์ เป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับพืชทั้งหมด พื้นฐานสำคัญ คือ สื่อสารได้ตรงกันทั่วโลก และเรายังใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องเชื่อมโยงกับข้อมูลได้อีกมากมาย เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงความหลากหลายของทรัพยากรของชาติและเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาที่กำลังจะหายไปทุกวัน เป็นที่ทราบกันว่าปัจจุบันสิ่งมีชีวิตหลายชนิดได้สูญพันธุ์ไปแล้ว นักพฤกษศาสตร์ก็เช่นกัน อาจจะสูญพันธุ์ไปในไม่ช้า หลายคนคิดว่ามันเป็นวิชาที่น่าเบื่อเพราะต้องท่องจำ แท้จริงแล้วมันต้องการการฝึกฝนและลงมือทำต่างหาก
ผมเพลิดเพลินกับการตรวจสอบชื่อกล้วยไม้ ที่หอพรรณไม้สวนพฤฤกษศาสตร์มิกิโน จนแทบจะลืมโลกไปเลย ได้ใส่ชื่อตัวอย่างกล้วยไม้ไม่ต่ำกว่า 300 ตัวอย่าง ทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 1 ทุ่ม บางวันทำถึงเที่ยงคืน มันเป็นเวลาที่ยาวนาน แต่เป็นเหมือนว่าได้พักผ่อนกับสิ่งที่ชอบเหมือนกับงานอดิเรก ใช่แล้วครับ การระบุชื่อพืช เป็นงานอดิเรกที่ดีมาก โดยเฉพาะถ้าคุณชอบถ่ายภาพพืช แล้วเราสามารถใส่ชื่อพฤกษศาสตร์ได้ มันจะเป็นการสะสมที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ในช่วยเวลาที่คุณเดินป่าศึกษาพรรณไม้ จะเป็นกิจกรรมนันทนาการที่ดีมาก ผมรู้จักหลายคนที่มีใจรักในการถ่ายภาพกล้วยไม้และระบุชื่อกล้วยไม้ ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้เรียนมาทางพฤกษศาสตร์เลย คุณก็ทำได้ เพียงแค่คุณชอบที่จะทำ

Orchid identification at Makino Botanical Garden, Japan
Santi Watthana
Queen Sirikit Botanic Garden
Chiang Mai, Thailand
14 March 2015

            During 1-13 March 2015, I have been invited to Makino Botanical Garden for identify the orchid specimens which were collected from Myanmar, under the plant inventory Project, in Nat Mataung National Park, Chin State, Myanmar. The enumeration of the vascular plants is the objective. My task was to identify the orchid specimens, depositing at that herbarium. The specimens were two forms, herbarium sheets which are the dried floral parts of the plant that were mounted in a hard white paper and spirit collection which are the part of floral part are preserved in 70% alcohol.  Both methods can be preserved the voucher specimens for long time for being referenced specimens for scientific researches. Usually, the floral part is very important part because the floral characters are essential for identification. Ideally, the specimen should be representative whole the plant characteristic and preserve for long time. Please note that the label of each specimen is crucial needed. Plant charactes especially color of each part, habit (i.e. tree, shrub, epiphyte or parasite), locality, date and relevant notes shall be included in the label and then attached on each specimen. Each specimen means a research material.
             Because the floral parts, especially the orchid flowers, were pressed and dried, then, I needed to soften by boiling and put some detergent to get rid of air in the plant cell with undamaged concerning, so that, the next botanists could use them in the future. Then I took the specimen under microscope for observing their morphology. While, it needs not to boil the spirit specimens and they show pretty good morphological shape, except colorless.
ตัวอย่างพรรณไม้แห้งและต้วอย่างดอง Dried and spirit specimens


ตัวอย่างแห้งที่นำมาต้มให้นิ่ม The specimen after boil


ตัวอย่างดอง Spirit specimen
The important tool for identification is the taxonomic keys which are prepared by botanists. We can find the identification keys in Floras, which are the plant identified publications and deal with floristic regions or countries, such as Flora of Thailand, Flora of China Flora of Bhutan, etc. I used those floras of the orchid family to identify the specimens. The Flora of Myanmar has not been completed. Basically, I used the publication, title the orchid genera of Thailand written, by Dr. Seidenfaden due to rather similarity between Myanmar and Thai orchids. Fortunately, the orchid floras usually comprise description and illustration of each species. Thus, after we use the key for identification we could confirm the illustration of each species
Key is like a dichotomous question, pair questions, of the same plant characters, such as flowers with spur or without spur. Then you observe at your plant and select one choice according to the key, and  then continue follow the key until you get the species name in the key. However, it needs to check the description of each species name to make sure that is the same. Please note that some flora key is limited for the plant in particular regions of that flora, thus sometime that key does not match with the specimen. Then try another key. Sometime you can compare with type specimen which may be available online by some herbaria.
            When botanists succeed to identify name of the specimen, they shall write in the determinative label, as well as sing their name and date of identification. If the botanists write the botanical article publishing in botanical journal, they shall cite the specimen’s number by using the collector numbers. It is a process of science which can be proved. Can you imagine how we shall know the plant if scientist found that orchid can be proved to be anti-cancel without citation of specimen and herbarium. Thus the herbarium is so important for science.
            Unfortunately, taxonomic research or the research on plant classification becomes to difficult to get funding and neglecting. Thus, it is difficult for botanist to construct key for plant identification in their home country. Many people though that it just a basic science which resulting nothing. They do emphasize on innovation research to get products. However, plant names could be linked or communicated correctly, used or talked with the same plant. Right now, many species in the world are facing with extinction. Taxonomist is facing with extinction too. One reason, people think that taxonomy is boring subject because it is just modernized subject. From my experience, it needs to practice as usual instead.
            I did enjoy for orchid identification during visiting Makino Botanical Garden. More than 300 specimens were identified during 2 weeks, starting from 8 am to 7 pm, including some days until midnight. I forgot the world during doing this task. That is my most favorite work. Enjoy to identify plant deserve you like a good hobby. You are no need to be botanist. If you love to know what that plant species is, just go on the process. If you like to take picture of plants and if you can know how to identify plant you shall have a good collection like a leisure. Beside, you shall enjoy when you walk in the natural forest. I know many people who do not graduate on Botany but they have high skill for plant identification. I believe you can do it! Just love to do it.


           



Sunday, May 11, 2014

รองเท้านารี ในสภาพธรรมชาติ Paphiopedilum in natural habitat


นับตั้งแต่เริ่มทำงานด้านการสำรวจชนิดพันธุ์พืช ที่องค์การสวนพฤกษศาสตร์ มา 20 ปี ในฐานะนักพฤกษศาสตร์ มีเพียงไม่กี่ครั้งที่จะได้มีโอกาสพบเจอประชากรกล้วยไม้รองเท้านารี กล้วยไม้ยอดนิยมอันเป็นที่หมายปองของผู้คนที่รักต้นไม้จำนวนมาก ส่วนใหญ่แล้วผมจะพบเห็นกล้วยไม้ชนิดนี้อยู่ในกระถางตามตลาดต้นไม้หรืองานประกวดต้นไม้ทั่วไป ซึ่งยอมรับว่าเป็นกล้วยไม้ที่ตรึงตราตรึงใจเป็นอย่างยิ่ง โดยก่อนหน้านี้ผมเองก็ไม่คิดว่าจะมาสนใจศึกษากล้วยไม้เลย เนื่องจากคิดว่ามีคนสนใจกันเยอะแล้ว และเป็นพืชที่มีความสวยงามเกินกว่าที่ผมจะเอื้อมมือไปไขว่คว้า ชีวิตมาผกผันตอนที่ไปเรียนปริญญาเอกที่ประเทศเดนมาร์ก แล้วไม่มีหัวข้อทำวิทยานิพนธ์ที่เหมาะสม จึงจับพลัดจับผลูไปทำวิจัยกล้วยไม้กับ ดร.Henrik Pedersen ผู้เชี่ยวชาญกล้วยไม้จากประเทศเดนมาร์ก บางครั้งเกิดความรู้สึกว่า กล้วยไม้ทำให้มีงานที่ต้องทำเยอะมาก และยิ่งศึกษากล้วยไม้นานวัน ก็ยิ่งมีอุปสรรคมากมาย เพราะเพื่อนร่วมโลกของเรากลุ่มนี้ต้องการความช่วยเหลืออย่างยิ่ง หลายชนิดกำลังจะจากเราไปด้วยน้ำมือของเราเอง นั่นเป็นเพราะความสวยงาม คือ ภัยอันตรายที่ธรรมชาติกำหนดมาให้ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของผมเคยกล่าวไว้ว่า กล้วยไม้เป็นพืชที่มีกรรม ใครเห็นก็อยากเอาไปไว้ ด้วยความที่น่ารักและน่าสงสารของกล้วยไม้ งานที่ต้องเร่งทำ ก็คือ การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของสวนพฤกษศาสตร์ หน่วยงานที่ผมทำงานอยู่
รองเท้านารีเป็นกล้วยไม้กลุ่มอันดับต้นๆ ที่ต้องได้รับการใส่ใจในการอนุรักษ์ เพราะมันกำลังถูกคุกคามจากปัจจัย คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ธรรมชาติ และการนำออกจากป่าในปริมาณมากเกินไป แม้ว่าผมจะสนใจศึกษางานวิชาการด้านชีววิทยาเพื่อการอนุรักษ์ ผมก็ยังไม่กล้าที่จะทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับรองเท้านารีในสภาพธรรมชาติ เพราะการติดตามเก็บข้อมูลทางชีววิทยาของประชากรในป่านั้น ต้องใช้เวลาเก็บข้อมูลนานนับปี เพื่อให้เข้าใจรูปแบบการดำรงชีวิตของมัน เหตุผลที่ผมกลัวก็คือ เมื่อวางแปลงศึกษาแล้ว มันอาจหายไประหว่างที่ทำการศึกษา ทำให้โครงการวิจัยที่ได้งบประมาณมาดำเนินการอาจไม่จบและมีปัญหา และปัญหานี้ผู้เชี่ยวชาญด้านรองเท้านารีท่านหนึ่งก็เคยประสบมาแล้ว เจ้าหน้าที่อนุรักษ์จึงมักจะไม่ระบุพื้นที่ๆ พบในธรรมชาติกัน เพื่อเป็นการปกป้องชนิดพันธุ์ในระยะสั้น ส่วนในระยะยาว คือ การฟื้นฟูจำนวนประชากรและเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรม และส่งเสริมการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนโดยไม่รบกวนประชากรธรรมชาติ


รองเท้านารีเหลืองกระบี่ (Paphiopedilum exul) ที่มีการพัฒนาพันธุ์ให้สวยงาม ในงานประกวดกล้วยไม้
Lady's slipper orchids (Paphiopedilum exul) which had been selected for ornamental purpose in flower show festival in Thailand.

ครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่อนุรักษ์และนักอนุรักษ์สมัครเล่น เชื้อชวนให้ผมไปดูประชากรรองเท้านารีเวศย์วรุฒม์ในสภาพธรรมชาติที่จังหวัดตาก เพื่อไปเก็บข้อมูลทางชีววิทยา และหาทางเพิ่มจำนวนประชากรให้มากขึ้น ด้วยความเป็นห่วงว่าจะหายไป เพราะมีเพียงประชากรเดียวที่พบอยู่ในปัจจุบัน จึงได้ร่วมทีมกับเขาไปบุกป่าฝ่าดง และนำมาเล่าสู่กันฟัง
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมอยากเห็น คือ ฝักของรองเท้านารี เพื่อจะได้ดูว่าในประชากรนี้มีการผลิตฝักปริมาณมากน้อยเพียงใด มีโอกาสสร้างลูกสร้างหลานสืบทอดเผ่าพันธุ์ของมันได้ไหม และมีต้นกล้าขึ้นเองในธรรมชาติบ้างหรือเปล่า เหล่านี้ คือ ดัชนีชี้ความอุดมสมบูรณ์ของประชากร แตกต่างจากคนอื่นที่ชื่นมื่นกับการที่ได้เห็นดอก แต่สำหรับนักวิชาการด้านการอนุรักษ์จะดีใจมากที่ได้เห็นฝักจำนวนมากและมีต้นกล้าขึ้นมาทดแทน
บ่ายวันร้อนอบอ้าว ในเดือนเมษายน เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า พาพวกเราไปถึงจุดที่จะปีนเขาหินปูน เพื่อขึ้นไปดูประชากร โดยเตือนก่อนว่า ช่วงนี้ฝนตกทุกวันช่วงบ่าย และลมแรงด้วย ที่หนักใจก็ คือ ประสบการณ์ที่ไม่ดีกับเขาหินปูน เพราะเคยพลัดตกลงมาหัวแตกที่ดอยเชียงดาวเมื่อหลายปีก่อน แต่ในเมื่อคิดจะไปแล้วก็คงไม่ท้อ ใจน่ะไปอยู่ที่ที่ต้นรองเท้านารีแล้วทั้งที่ยังไม่เริ่มเดิน ช่วงที่ยากที่สุด คือ ตอนที่ปีนหินปูนขึ้นไป แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า ตอนลงยากกว่าอีก ผมทำได้ดีที่สุด คือ คิดถึงปัจจุบัน จะกลับก็กลับไม่ได้แล้ว แถมยังคิดอีกว่า มาทำไมเนี๊ยะ นั่งในห้องแอร์ดีๆ ไม่ชอบ แค่เดินขึ้น 10 เมตร 15 เมตร ก็ต้องหยุดพักแล้ว มันเหมือนหายใจไม่ทัน ใจจะขาดน่ะ แบกเป้ที่ใส่อุปกรณ์กล้องที่หนักไม่น้อย เหงือท่วมตัวเลยที่เดียว ทั้งแสบตา แล้วก็เหมือนได้กินเกลือตลอดเวลา เนื่องเพราะเหงื่อที่ไหลลงมาที่ปาก แถมต้องถอดแว่นออกมาเช็ดหยดเหงือบ่อยครั้ง โชคดีที่เจ้าหน้าที่ช่วยถือขาตั้งกล้องให้ จึงได้ใช้มือเกาะหินปูนไต่ขึ้นไปอย่างสะดวด แต่ก็ทำเป็นดูต้นไม้ต้นโน้นต้นนี้ แอบหายใจเบาๆ แต่บางครั้งก็หลุดออกมาดังฟู่ยาวๆ หลายครั้ง ก็มันเหนื่อยน่ะ

ทางขึ้นเขาหินปูน ไปยังแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของรองเท้านารี
The way to the natural habitat of Lady's slipper orchid in the limestone mountain of Thailand.

พอขึ้นไปเกือบถึงยอดเขาเจ้าหน้าที่ชี้ให้ดู ดอกเอื้องรงรอง (Panisia distelidia)กำลังออกดอก ก็ดีใจมาก ควักกล้องจากเป้หลังออกมาถ่ายรูป ก็ได้พักยาวหน่อย แล้วก็ไต่ขึ้นไปต่อด้วยขาสองขาที่บางครั้งต้องก้าวเหยียดออกไปจนสุดขา เพื่อให้พ้นร่องหิน มือทั้งสองก็ยืดออกไปเกาะชะง่อนหิน ทั้งกางแขนกางขาเคลื่อนไปอย่างทุลักทุเล พอไปถึงยอดเขาเทวดาโปรด ส่งลมเย็นๆ ผ่านมาพอสัมผัสกายที่โชกด้วยเหงือ ก็เย็นสบาย



เอื้องรงรอง (Panisia distelidia

บริเวณยอดเขามีต้นไม้ขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 5 เมตร ในป่าค่อนข้างโปร่ง ตามต้นไม้หลายต้นมีกล้วยไม้เอื้องรงรองขึ้นคลุมต้น เหมือนทำหน้าที่เป็นผ้าห่มให้ต้นไม้ พี่อู๊ด หนึ่งในผู้นำทางบอกว่า นี่แหละบ้านของเขา แล้วพอเดินไปสักพัก พี่อู๊ด ก็ชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ตรงลำต้นหลักที่แยกออกเป็นง่าม มีกอกล้วยไม้กอขนาดกลางกอหนึ่ง มันคือ กล้วยไม้รองเท้านารีหนวดฤาษี (Paphiopedilum parishii) แต่ผมก็ยังไม่ค่อยตื่นแต้นมากเท่าไร เพราะเคยเห็นกลุ่มประชากรรองเท้านารีชนิดนี้ในพื้นที่มาก่อนหน้านี้ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งชนิดเป้าหมายที่จะทำการติดตามประชากร
พื้นที่ที่พอจะมีให้ยืนถ่ายรูปมันไม่มากนัก เพราะเป็นหินปูน บางทีขาของตัวเองมันสั่นพับๆ พับๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สั่งมันเลย ต่อจากนั้นก็เดินไปยังจุดเป้าหมาย ไม่นานนักก็ถึงบริเวณที่เป็นหน้าผาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อันเป็นหน้าผาที่ดิ่งชันลงไป เกือบ 90 องศา ยังมีลมเย็นสบายอยู่เหมือนเดิม พี่ดอน เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ตะโกนเชิงหัวเราะดีใจที่ออกเหน่อๆ ว่า มานี่! รองเท้านารีออกดอก สวยมาก เมื่อเราเข้าไปดูปรากฏว่าเป็นรองเท้านารีเหลืองปราจีน (Paphiopedilum conconlor) ซึ่งเป็นฟอร์มที่นิยมเรียกว่า เหลืองกาญจน์ ผมไม่รอที่จะเดินไปตรงจุดนั้น ไปด้วยใจอันร่าเริงดั่งเลียงผากระโดดเล่นบนผาหิน แต่กายนี่ซิ เยี่ยงผู้เฒ่าทิ้งไม้เท้าคลานไปด้วยอาการมือจับหิน ขาก้าวเหยีบ เพื่อนำร่างราว 70 กิโลกรัม ไปให้ถึงจุดหมาย เมื่อเห็นกับตาแล้วเอนโดฟีนหลั่งออกมา ความหนุ่มก็กลับมาทันที มันเป็นความสุดยอดที่ได้เห็นดอกรองเท้านารีออกดอกในธรรมชาติ คนละอารมณ์กับการเห็นเขาออกดอกในกระถาง


รองเท้านารีเหลืองปราจีน (Paphiopedilum conconlor)

พี่อู๊ด เรียกผมให้ไปดูที่หน้าผาที่เขาเคยถ่ายรูปรองเท้านารีเวศย์วรุฒม์เมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว ซึ่งผมได้เห็นภาพมีดอกเกือบร้อยดอก อลังการมาก มันขึ้นอยู่เต็มหน้าผาในแนวตั้งดิ่งที่ได้รับแสงทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือค่อนข้างเต็มที่ มีบ้างที่ขึ้นตามซอกหินในที่ค่อนข้างร่มและพบกระจายทั่วไป แต่บริเวณที่พบมากที่สุด คือ ผาหิน จากนั้นผมก็เริ่มหาดูว่ามันมีการผลิตฝักมากน้อยเพียงใด ที่เห็นมีร่องรอยของก้านดอกอยู่หลายก้าน ดูรวมๆ แล้ว ติดฝักประมาณ 20 ฝัก ซึ่งก็ไม่มากเท่าไร ส่วนต้นกล้าพบเจอได้ไม่มากนัก แต่ก็พอมี และเมื่อดูไปๆ ก็พบว่าหลายต้นมีใบรอยถูกตัด ผมสันนิษฐานว่าต้องมีตัวอะไรมากินมันแน่ จึงถามเจ้าหน้าที่ว่า ที่นี่มีเลียงผาไหม เขาบอกว่า โอ้ มีชุมเลยทีเดียว บางทียังเห็นตัวเลย ผมจึงเอ่ยขึ้นว่า เลียงผามากินใบรองเท้านารี เจ้าหน้าที่คนหนึ่งทำหน้าตกใจ มันกินด้วยเหรอ ผมตอบว่า ใช่ครับ ที่ภูหินร่องกล้า เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเลียงผากินรองเท้านารีอินทนนท์เหมือนกัน
สมาชิกในกลุ่มที่ไปด้วยกันครั้งนี้ ครึ่งหนึ่งยังไม่เคยเห็นรองเท้านารีที่ขึ้นตามธรรมชาติ ต่างพูดกันว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นมันขึ้นในสภาพธรรมชาติอย่างนี้ พวกเราอยู่บริเวณนั้นประมาณ 15 นาที เมฆที่แอบตั้งเค้าระหว่างที่เราให้ความสนใจกับรองเท้านารี แปรเปลี่ยนท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ให้มืดครึ้ม เราเริ่มรู้สึกตัวว่าฟ้าพิโรธ เมื่อลมแรงที่พัดโหมกระหน่ำอย่างน่ากลัว มันเกิดขึ้นเร็วมาก ต้นไม้ต่างไหวเอนในทิศทางต่างๆ ตามแต่ลมจะพาไป มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน ดูเหมือนเป็นสัญญานที่เทวดาแจ้งให้เราทราบว่า พอได้แล้ว กลับไปได้แล้ว!” แล้วฝนก็เริ่มโปรยปราย แต่ไม่หนักมาก พวกเราจึงรีบเดินกลับเส้นทางเดิมอย่างระมัดระวัง ปล่อยให้เทวดารักษาประชากรของรองเท้านารีชนิดนี้ต่อไป
ภูเขาหินปูนลูกนี้มีขนาดเล็ก โผล่ขึ้นมาเป็นลูกโดดๆ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเขาหินปูนที่ขึ้นกระจัดกระจายห่างๆ ในพื้นที่ นับว่ามันมีขนาดใหญ่กว่าลูกอื่นสักเล็กน้อย แต่สภาพป่าบนเขานั้นค่อนหนาแน่นกว่าเขาหินปูนลูกอื่น มีสภาพโปร่ง อากาศชื้นแต่มีลมพัดผ่าน ทำให้ไม่อับชื้นจนเกินไป บนยอดเขาที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 1,000 เมตร จึงเป็นบ้านที่มีความสุขของรองเท้านารี และบนเขาลูกนี้ก็พบรองเท้านารีถึง ชนิด เลยทีเดียว
ด้วยความเป็นห่วงของเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ ว่ากล้วยไม้รองเท้านารีเวศย์วรุฒม์ ที่พบแค่ประชากรเดียวนี้ จะหายไป ประกอบกับหลายต้นที่เจริญเติบโตบนผาหิน และมีการแตกกอหนาแน่น จนหลายต้นอาจหลุดหล่นและตายไปในภายหลัง จึงมีแนวคิดที่จะทำการย้ายต้นที่มีโอกาสตายไปไว้ที่ใหม่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกัน เพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนประชากรในพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สำรวจในเบื้องต้นไว้แล้วว่าจะนำไปทดลองย้ายปลูกไว้ที่ใด แต่จะรอให้ผมและทีมงานไปดำเนินการ ซึ่งก็จะเป็นอีกงานหนึ่งที่ผมจะต้องดำเนินการ เพื่อช่วยชีวิตของเพื่อนร่วมโลกของเราชนิดนี้ให้คงอยู่ต่อไปอย่างมั่นใจ













ภาพรองเท้านารีเวศย์วรุฒม์เมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว โดยพี่อู๊ดดี้
The pictures which were taken since September in the year before.




สภาพที่รองเท้านารีเวศย์วรุฒม์ ขึ้นตามธรรมชาติ

ฝักที่พบในพื้นที่ Capsule has been developed in the nature.

ต้นกล้าที่พบในพื้นที่ Seedling in the natural habitat.

รอยที่ถูกสัตว์กัดกิน คาดว่าน่าจะเป็นเลียงผา Their leaves have been observed that bitten by Serow, mountain goat.